ข้าวผัดเผือกร้อนๆ สไตล์แต้จิ๋ว สูตรเด็ดของ “อาม่า” หรือ “คุณย่า” ที่ “คุณแม่มิสเตอร์เฮา” ได้นำมาประยุกต์และปรับปรุงพัฒนาจนได้รสชาติที่กลมกล่อม อร่อย หอม และเป็นที่ถูกใจของเพื่อนๆ และเครือญาติของมิสเตอร์เฮาเสมอมา จนเป็นที่กล่าวขวัญถึงตลอดเวลาว่าหอม.....อร่อยมากๆๆๆๆๆ!!!!!

ทั้งนี้ จะว่าไปแล้วการปรับปรุง และพัฒนาสูตรดังกล่าวนี้ จะมีที่แตกต่างจากเดิมอยู่นิดหน่อย โดยการคัดเลือกเผือกนั้นโอเคเหมือนเดิม เน้นขนาดกำลังดีนำมาปอกเปลือกและหั่นเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดลูกเต๋าพอดีคำ ตรงนี้จะแตกต่างกับของสมัยของคุณย่านิดหน่อย คือ ของคุณย่าเมื่อได้เผือกหั่นขนาดลูกเต๋าพอดีคำแล้วจะนำเผือกดังกล่าวนี้ลงไปหุงพร้อมกับข้าวสารในหม้อหุงข้าวพร้อมกัน ขณะที่ของคุณแม่จะแยกโดยการนำเผือกไปทอดแล้วค่อยนำมาผัดรวมกับข้าวสวยอีกที เนื่องจากถ้าใช้สูตรเดิม เมื่อผัดเสร็จแล้ว และเวลาผ่านไปสักพักใหญ่เราจะรู้สึกได้ว่าเผือกกับข้าวจะกลายเป็นยางเหนี่ยวๆ ทำให้เก็บได้ไม่นานและรู้สึกว่าจะบูดได้ง่ายกว่า เมื่อเทียบกับสูตรปัจจุบันที่คุณแม่ใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้

คุณแม่มิสเตอร์เฮาจะพิถีพิถันในการคัดเลือกวัตถุดิบที่นำมาใช้ประกอบการทำเป็นข้าวผัดเผือกอย่างมาก และใส่ใจในทุกรายละเอียดของการจัดเตรียมของ ดังนั้น การเตรียมของจึงค่อนข้างเสียเวลาเป็นวัน และแต่ละครั้งที่ผัดข้าวผัดเผือกนั้นจะไม่เน้นปริมาณ ในทางตรงกันข้ามจะเน้นในเรื่องของรสชาติเป็นหลัก

ส่วนหมูที่ใช้ประกอบการผัดข้าวผัดเผือกนั้นจะเน้นเป็นหมูสามชั้น ซึ่งเวลาทานคู่กับข้าวผัดเผือกแล้วจะรู้สึกว่าอร่อย มันๆ โดยจะนำหมูไปหมักเครื่องปรุงทิ้งไว้ก่อนแล้วค่อยนำไปทอด และเมื่อทอดเสร็จแล้วจึงค่อยนำหมูทอดชิ้นขนาดพอดีคำนี้มาผัดรวมกับข้าวผัดเผือกต่อไป พร้อมเพิ่มความหอมโดยใส่พริกไทยป่นอย่างดี เน้นซื้อจากเยาวราช หรือบริเวณใกล้ๆ บ้านเป็นหลัก และซอสปรุงรสอีกนิดหน่อยก็ได้รสชาติข้าวผัดเผือกที่หอมกลมกล่อมกำลังดีครับผม

การผัดข้าวผัดเผือกจะไม่เน้นไฟแรงมาก จะค่อยๆ ผัดให้เครื่องปรุง และวัตถุดิบที่ใส่ลงไปนั้นเข้ารสชาติ ให้คนในบ้านช่วยกันชิมว่าเป็นอย่างใดบ้าง เมื่อทุกคนสรุปว่าใช้ได้แล้ว จึงค่อยปิดไฟ และยกขึ้นจากเตาตั้งรอสักนิดแล้วค่อยรับประทาน จะได้รสชาติของข้าวผัดเผือกอุ่นๆ อร่อยดีครับผม

ว่าแล้วก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีเลยครับ!!!!! อิอิ